เป็นพ่อแม่ลูกอ่อน ห้ามตาย ให้ประกันชีวิตช่วยดีกว่า

“อย่าให้การศึกษาของลูกต้องจบไป เพราะคุณต้องจากไป”

ภาพที่ได้แง่คิดดีๆจากเพจ ตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ

เห็นด้วยสุดๆนะ พ่อแม่มักทำประกันสุขภาพให้ลูก ใช้รักษา 
แต่อย่าลืมว่าถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วใครจะจ่ายต่อ?
เคยคุยกับเพื่อนที่มีลูกแล้ว บอกว่า เดี๋ยวใช้ชีวิตแบบ “ห้ามตาย” ขับรถช้าลง ระวังมากขึ้น ใครจะแซง แซงไปเลย เพราะต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ดูแลลูกๆ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีครับ เราก็ไม่ควรใช้ชีวิตด้วยความประมาทอยู่แล้ว แต่การ “ห้ามตาย”ที่เพื่อนพูดไว้ คงจะยากนะครับ เพราะโลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราไม่ประมาท แต่เค้าประมาท ก็อาจตายได้ เห็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่สามี หรือ ภรรยา มีเหตุต้องจากไปแล้ว รับภาระคนเดียว ทั้งหาเงินและเลี้ยงลูก ผ่อนบ้าน หนักหนาเอาการครับ

ส่วนตัวโจ้คิดว่า “ทุนประกันชีวิต” ของพ่อแม่เด็กนั้น
สำคัญกว่าประกันสุขภาพเด็กอีกนะครับ 
ลองคิดดูว่า ถ้าพ่อแม่อยู่ แม้ลูกป่วย ไม่มีประกันสุขภาพ ก็ยังหาทางรักษา หาเงินมาได้
แต่ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว มีแค่ประกันสุขภาพลูก เมื่อครบปีประกันแล้วใครจะจ่ายต่อ? ค่าเลี้ยงดู ค่าเทอม ค่าเล่าเรียนลูก การเลี้ยงดูจนกว่าจะโตนั้นไม่น้อยนะครับ

ใครที่มีลูกแล้วแนะนำทำทุนประกันชีวิต “5 ล้าน” (ยังน้อยไปว่าไหมครับ?) แล้วคนที่ไม่มีประกันชีวิตเลยล่ะ…

พ่ออายุ 35-40 ประกันชีวิต “5 ล้าน” เบี้ยเพียง 1xx,xxx
พ่ออายุ 35-40 ประกันชีวิต “1 ล้าน” เบี้ยเพียง 2x,xxx

1แสนกว่าบาท ได้ทุน 5 ล้านทันที หรือ 2 หมื่นกว่าบาทได้ทุน 1 ล้านมาก นับแล้วมากกว่า 1,000,000/25,000 = 40 เท่าตัว
บางคนจะเล่นหุ้น กองทุน ธุรกิจ สมมติเก่งๆเลยให้ได้กำไร 20% ก็ยังได้เพียง 5,000 บาท ไม่เพียงพอสำหรับลูกนะครับ

เมื่อโจทย์ชีวิตเปลี่ยนไป มีครอบครัวแล้ว การวางแผนการเงินก็ควรปรับตาม
เน้นสะสมทรัพย์ ลงทุน ลงทุน ลงทุน อย่างเดียว เสี่ยงสูงสุด คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
การแบ่งเงินเพียงนิดเดียว มาทำทุนประกันชีวิตไว้ ไม่ได้ทำให้จนลง แต่มีความสบายใจมากๆ

และไม่ต้องกลัวว่าเงินจะหายไปไหน จะอยู่ครบหรือจากไปก่อน ระบุชื่อลูก เป็นผู้รับผลประโยชน์ก็ได้เงินก้อนนี้ แน่นอน
นอกจากนี้ทุกปีที่จ่ายเบี้ย ยังลดหย่อนภาษี เพิ่มเงินคืนให้ครอบครัว
ตัดสินใจทำวันนี้ แล้วชีวิตจะไม่กดดันเกินไปนะครับ