รู้หรือไม่ ประกันมีมากว่า 2,000 ปีแล้ว ต้นกำเนิดเป็นอย่างไร

ตอนโจ้เริ่มมาเป็นตัวแทนประกันในหลักสูตร FA Prime ทางเอไอเอก็มีวิทยากรมาให้ความรู้หลายๆด้านนะ วันนี้จะมาแชร์ว่า ใครเป็นค้นคิดการทำประกัน แล้วมันเกิดจากอะไร เรื่องราวน่าสนใจเลยละ
ย้อนไปในยุคอดีตเล่ากันว่าเกิดจาก ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อมีบ้านหลังหนึ่งเกิดไฟไหม้ คนในหมู่บ้านเห็นว่าครอบครัวนั้นก็เสียหายหนัก ล้มละลาย และยิ่งถ้ามีผู้นำครอบครัวตายด้วยแล้วยิ่งเป็นปัญหา  เมื่อเกิดเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า จึงมีการทำมติกันว่าหากบ้านใครเสียหาย คนในหมู่บ้านจะร่วมมือกันสร้างให้ใหม่
ด้วยการช่วยเหลือกันและกระจายความเสี่ยงแบบนี้ ก็ช่วยทำให้คนในหมู่บ้านลดความกังวลจากเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นเพราะมีหลายๆคนกระจายกำลังพร้อมจะช่วยกันเกื้อหนุนให้ยังดำเนินชีวิตได้ต่อไป จึงนับเป็นต้นกำเนิดของประกันเลยก็ว่าได้ และด้วย concept ที่ดีและมีประโยชน์นี้ จึงมีขยายเป็นธุรกิจประกันบ้าน ขยายไปจนถึงการประกันสินค้าเวลาเดินทางเรือในสมัยนั้น
ประกันภัย ตัวแทนประกัน
จนถึงยุคกรีก และโรมัน เมื่อ 600 ปีก่อนคริสตศักราช
ได้เริ่มมีการประกันชีวิตและประกันสุขภาพ  เนื่องจากพบว่าการตายนั้นมีสาเหตุเกิดจากโรคต่างๆ จึงอยากให้มีการดูแลในส่วนนี้ รวมถึงประกันชีวิตเพื่อดูแลค่าใช้จ่ายในงานศพเช่นกัน
สำหรับประเทศไทย ค.ป.ภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย )
 ได้นิยามไว้ด้วย concept เดียวกันว่า
“การประกันชีวิต เป็นวิธีการที่บุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยที่เมื่อบุคคลใดต้องประสบกับภัยเหล่านั้น ก็ได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัทประกันชีวิตจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการนำเงินก้อนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่ผู้ได้รับภัย” 
ซึ่งพอเราเข้าใจต้นกำเนิดและแก่นของประกันแล้ว ก็ทำให้โจ้มีมุมมองเกี่ยวกับคำว่า “ประกัน” ที่เปลี่ยนแปลงไปนะว่ามนุษย์เราก็เห็นประโยชน์ของประกันมาหลายพันปีแล้ว
แต่ด้วยการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพนั้นมีรูปแบบและเงื่อนไขที่หลากหลาย ต้องอาศัยตัวแทนประกันอธิบาย สมัคร และดูแล ต่างคนก็ต่างวิธี ในยุคก่อนหน้านี้ หรือสมัยนี้อาจจะยังเห็นบ้างก็ตาม ประเทศไทยมีรูปแบบการขายที่ตื้อ หรืออ้อนวอน บางครั้งก็หลอกลวง ทำให้คนไทยในยุคก่อนหน้ามีทัศนคติไม่ดีกับประกัน ถึงขนาดเกลียดก็ไม่แปลกเลย คนที่ ณ​ ตอนนี้มีพ่อแม่ ปูย่า ตายาย อายุ 60-80 จึงไม่ค่อยมีประกัน แต่สิ่งที่คนรุ่นนี้ Gen X Y Z เห็นอีกเช่นกันคือ ค่ารักษาพยาบาลแพงมาก และพอไม่มีประกันเลยก็จ่ายไม่ไหวจริงๆ  เราเริ่มคุ้นเคยกับค่าใช้ที่ต้องให้กับ ร.พ. ว่าระดับใด ต้องเตรียมเงินเท่าใด เราได้เห็นว่าประกันสังคมรักษาแบบไหน นอนห้องเตียงรวม 6 คนไข้ 1 ห้องน้ำเป็นอย่างไร  คนยุคนี้จึงกลับมาเห็นความสำคัญของประกันทั้งทำให้ตนเองและบุพการีอีกครั้ง หลายคนมองการณ์ไกลจึงยอมจ่ายเบี้ยประกันให้แทนพ่อแม่ที่ไม่อยากซื้อ เพราะรู้ว่าสุดท้าย หากพ่อแม่ไม่สบาย ลูกก็ต้องจ่ายให้อยู่ดี
ตัวแทนประกันในยุคนี้เองก็พัฒนาบริการมากขึ้นนะ โดยเฉพาะ Gen Y นี้ เพราะทุกอย่างอยู่บนโซเชียลมีเดียได้หมด ดังนั้นตัวแทนที่ไม่ดี บริการแย่ หรือโกงเงิน ก็จะโดนประจานได้ง่ายมาก ในทางกลับกันก็ถือเป็นข้อดีที่ทำให้เราได้เห็นตัวแทนตัวจริงที่ทำงานมากขึ้น บริการจริงจัง คนเหล่านั้นก็จะโดดเด่นขึ้นมาในหน้า Facebook Wall ของเราอย่างต่อเนื่อง
โจ้ได้มีโอกาสไปให้ความรู้น้องๆด้านโซเชียลมีเดียสำหรับประกันชีวิตและประกันสุขภาพเหมือนกันและก็เน้นย้ำเลยล่ะว่า ตัวแทนต้องดีจริงๆ ทั้ง online และ offline ที่ดูแลลูกค้าจริง แล้วลูกค้าจะเข้ามาหาเอง เพราะเค้าก็หาตัวแทนดีๆอยู่เช่นกัน

ขอพูดแทนตัวแทนประกันนะว่าถ้าคุณได้เจอตัวแทนประกันดีๆแล้วก็ช่วยสนับสนุนเค้าให้คนอื่นด้วยนะครับ หวังว่าตัวแทนดีๆเหล่านี้จะทำให้ทัศนคติต่อการทำประกันของคนไทยเปลี่ยนไป และทำให้คนไทยได้เข้าถึงประโยชน์ของการทำประกันอย่างแท้จริง

Reference: https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_insurance,  http://www1.oic.or.th/th/elearning/inner_life2.php#4

รู้หรือไม่ ประกันมีมากว่า 2,000 ปีแล้ว ต้นกำเนิดเป็นอย่างไร
Scroll to top