ก่อนหน้านี้ตอนที่ทำงานประจำโจ้ก็คิดเหมือนคนที่ทำงานประจำทั้งหลายนั่นแหละครับ ว่า มีประกันกลุ่มบริษัทแล้วอย่างดี จะซื้อประกันสุขภาพของตัวเองอีกทำไม หรือจะซื้อประกันเสริมอย่างไร ไม่ให้ทับซ้อนกับประกันกลุ่ม วันนี้สรุปให้ทั้ง 2 ประเด็นเลย โดยเล่าประกอบเคสจริงให้
1. ประกันสุขภาพกลุ่มติดเก้าอี้ ลาออกแล้วหลุดทันที
มีลูกค้าท่านหนึ่งมีสวัสดิการบริษัทค่อนข้างดีจึงทำประกันมะเร็งไว้เล็กน้อย 1 ล้าน แต่ช่วงเปลี่ยนงานดันตรวจเจอเนื้องอก! ซึ่งบริษัทเก่าก็ลาออกแล้วประกันกลุ่มก็ขาด หรือตัวแทนประกันมักเรียกว่าเป็น “ประกันติดเก้าอี้” เพราะเรียกว่าพอลุกออกมาจากการทำงานที่นั่น ก็ตัวเปล่าเลยทีเดียว และที่ทำงานใหม่ก็ยังไม่เริ่ม จึงยังไม่มีประกันสุขภาพของกลุ่มคุ้มครอง ( บางบริษัทก็ไม่ให้ประกันกลุ่มจนกว่าจะผ่านช่วงทดลองงานด้วย และที่ทำงานใหม่บางที่ก็ให้ความคุ้มครองด้านประกันน้อยกว่าเดิม! )
เหลือแต่ประกันมะเร็งเท่านั้นที่มี และเวลาตรวจพบเจอหรือมีอาการก็ต้องรีบรักษา จะรอให้ผ่านช่วงทดลองงานใหม่ 3-4 เดือนก็ใช่ว่าจะดี ก็ออกค่าใช้จ่ายเองไปทั้งหมด โชคดีว่าพอตรวจชิ้นเนื้อแล้วเป็นแค่เนื้องอกไม่ใช่มะเร็ง
หากเป็นมะเร็งขึ้นมาแล้วบริษัทใหม่ทราบ เราก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะมีโอกาสปฏิเสธการรับเข้าทำงานหรือไม่ เพราะรับเข้าไปก็อาจเป็นภาระได้ เป็นความจริงที่อยากจะฟังดูโหดร้ายแต่ก็เคยได้ยินมาอยู่เหมือนกัน
เอาล่ะ ลูกค้าท่านนี้รู้ว่าตัวเองมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ต้องการสมัครประกันมะเร็งเพิ่ม แต่บริษัทประกันก็ไม่รับแล้ว เพราะมีความเสี่ยงจนกว่าจะเอาเนื้องอกไปแล้วค่อยพิจารณาใหม่ แต่ส่วนที่เคยสมัครและอนุมัติไปแล้วก็ยังมีผลเบิกเคลมได้หากเป็นมะเร็ง
แชร์ลูกค้าอีกเคสหนึ่ง กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนงาน และเพิ่งเริ่มงานใหม่อยู่ช่วงทดลองงาน เป็นไส้ติ่งต้องผ่าตัดด่วน ดีว่ารอบคอบมีซื้อประกันสุขภาพของตัวเองไว้เบิกเคลมได้
จากเหตุการณ์จริงแบบนี้จึงอยากจะแนะนำว่าแม้คุณเป็นพนักงานประจำที่บริษัทมีประกันกลุ่มดีเลิศเพียงใด เช่น ประกันกลุ่มของปตท. อาจจะเคลมได้วงเงินสูงกว่า 200,000 บาทต่อปี หรือ เคลมได้หมดขนาดไหน วันนึงเราก็อาจเปลี่ยนงาน ไปโตที่อื่น หรือลาออกอยู่ดีการมีประกันกลุ่มติดเก้าอี้ก็ดี แต่เราก็ควรมีประกันเดี่ยวของตัวเองไว้ในช่วงที่สุขภาพยังดีนะครับ จะรออายุ 60 เกษียณค่อยสมัครหลายเคสเป็นหลายโรคแล้วก็สมัครไม่ผ่าน เผื่อเหลือจึงดีกว่าเผื่อขาด และในช่วงวัยทำงานมีรายได้นี้ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง หรือประกันบำนาญ ก็ยังช่วยลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
2. สมัครประกันส่วนตัว ไม่ซ้ำประกันกลุ่ม
ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุที่ทางบริษัทให้ในลักษณะประกันกลุ่ม จะเป็นลักษณะของค่ารักษาตามจริง คือ โรงพยาบาลคิดเท่าไหร่ จ่ายให้ตามใบเสร็จเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนของค่าชดเชย พนักงานบริษัทจึงมักทำประกันอีกแบบที่ให้เป็นค่าชดเชย ให้เป็นเงินก้อนคนละส่วนกับประกันกลุ่มทั้งหมด โดยเฉพาะถ้าตรวจเจอโรคร้ายแรง เส้นเลือดในสมองแตก ผ่าตัดกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หรือต้องนอน รพ. นาน โรคฮิตเหล่านี้ บางทีก็ไม่อยากทำงานต่อแล้ว หรือโดนบีบให้ออก ประกันกลุ่มขาด มาทำเผื่อกันดีกว่า
เจอโรคร้ายแรงได้เงินก้อน แนะนำ AIA CI Care ให้ความคุ้มครอง 18 โรคร้ายแรงในระดับต้นถึงระดับปานกลาง และ 44 โรคร้ายแรงระดับรุนแรง
- ให้ 40% ของจำนวนเงินเอาประกัน เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง
- และให้ 100% ของจำนวนเงินเอาประกัน เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงระดับรุนแรง กลุ่มโรคมะเร็งและเนื้องอก
- ยกตัวอย่าง มีความคุ้มครอง 3 ล้านบาท ถ้าเจอมะเร็งระยะเริ่มต้นรับ 1.2 ล้านบาท ถ้าเจอระยะลุกลามเลยรับ 3 ล้านบาท ทั้งก้อนไปเลย จะเก็บไว้ รักษาแบบไหนก็ได้
- ตัวอย่างกลุ่มโรคที่ครอบคลุม มะเร็งและโรคยอดฮิตของคนไทย
- กลุ่มโรคหัวใจ กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มเกี่ยวกับอวัยวะและระบบการทำงานที่สำคัญ เช่น ตับวาย ไตวาย ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ กลุ่มโรคภาวะติดเชื้อ การบาดเจ็บร้ายแรง และภาวะทุพพลภาพ
- รายละเอียดแผนประกันโรคร้ายแรงและราคา คลิก ประกันโรคร้ายแรง AIA
3. ประกันบำนาญ ก่อนเกษียณใช้ลดหย่อนภาษี หลังเกษียณรับเช็คเงินสดทุกปี
-
ประกันบำนาญ Annuity Fix
- เบี้ยคงที่ทุกปีตั้งแต่อายุปัจจุบัน – 59 ปี
- ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท โดยไม่เกิน 15% ของเงินได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และเมื่อรวมกับ RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- มีการคืนเงินสม่ำเสมอทุกปีตั้งแต่อายุ 60-85 ปี ตัวอย่างคลิก ประกันบำนาญ
- เบี้ยประกันเลือกได้ และเงินคืนขึ้นกับอายุที่เริ่มสมัคร สนใจสอบถามเบี้ยทักได้เลยครับ
คลิก Add LINE ID: hijingjoe
Facebook https://www.facebook.com/AIAaskJoe/
ตัวแทนประกันเอไอเอ โจ้